Ministry of Health (MOH) Blog ความรู้รอบตัว อาการที่บ่งบอกถึงผู้สูงอายุที่ขาดแคลเซียม
ความรู้รอบตัว สุขภาพ

อาการที่บ่งบอกถึงผู้สูงอายุที่ขาดแคลเซียม

การขาดแคลเซียมในผู้สูงอายุสามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายด้าน เนื่องจากแคลเซียมมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของร่างกายมากมาย รวมถึงการทำให้กระดูกแข็งแรงและการทำงานของกล้ามเนื้อดีขึ้น หากผู้สูงอายุได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอก้จะส่งผลเสียต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน เช่น ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน,กล้ามเนื้ออ่อนแอ,ส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท เป็นต้น

อาการที่บ่งบอกว่าผู้สูงอายุอาจขาดแคลเซียมมีดังนี้

1.กระดูกเปราะบางและแตกหักง่าย จากการหกล้มหรือแรงกระแทกเล็กน้อย อาจเป็นสัญญาณของโรคกระดูกพรุน ซึ่งสัมพันธ์กับการขาดแคลเซียม

2.รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายหรือกระดูก โดยเฉพาะหลังหรือสะโพก อาจเป็นอาการเริ่มต้นของการสูญเสียมวลกระดูก

3.กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเป็นตะคริวบ่อย การขาดแคลเซียมส่งผลต่อการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก หรือเป็นตะคริว โดยเฉพาะบริเวณขา

4.อาการชาปลายมือปลายเท้า ระดับแคลเซียมที่ต่ำอาจรบกวนการทำงานของระบบประสาท ทำให้เกิดอาการชาหรือเสียวปลายประสาท

5.การขาดแคลเซียมอาจทำให้เล็บแตกง่าย ผมบาง หรือหลุดร่วงมากกว่าปกติ

6.ฟันผุและสุขภาพฟันเสื่อม เพราะแคลเซียมมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพฟัน การขาดแคลเซียมทำให้ฟันเสื่อมสภาพและเสี่ยงต่อการผุของฟัน

7.ความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ ระดับแคลเซียมต่ำมากอาจทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นช้าหรือเร็วเกินไป

8.นอนไม่หลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดแคลเซียมอาจรบกวนการทำงานของระบบประสาทและสมอง ส่งผลให้นอนหลับยากหรือไม่สบายตัวระหว่างนอน

9.ความสูงลดลง กระดูกสันหลังอาจทรุดตัวหรือโก่งเนื่องจากการสูญเสียมวลกระดูก

10.โรคกระดูกพรุนและกระดูกบาง หากมีการตรวจสุขภาพกระดูกและพบว่ามีมวลกระดูกต่ำ อาจเป็นผลจากการขาดแคลเซียมในระยะยาว

คำแนะนำ

หากพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินระดับแคลเซียมและวิตามิน D ในร่างกาย และปรับการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ หรือเสริมแคลเซียม ด้วยผลิตภัณฑ์แคลเซียมบำรุงกระดูกสำหรับผู้สูงอายุตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

ทำไมผู้สูงอายุถึงต้องการแคลเซียมมากขึ้น?

1.การเสื่อมของกระดูก เมื่ออายุมากขึ้น มวลกระดูกจะลดลงเนื่องจากการสร้างกระดูกใหม่ช้ากว่าการสลายกระดูกเดิม ทำให้กระดูกเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหักมากขึ้น

2.การลดลงของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลกระดูก

ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ซึ่งส่งผลให้การสลายกระดูกเพิ่มขึ้น

ในผู้ชาย ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงเช่นกันเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกระดูก

3.การดูดซึมแคลเซียมลดลง

ความสามารถของระบบย่อยอาหารในการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารลดลงตามอายุ

การขาดวิตามิน D ซึ่งช่วยส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียม เป็นเรื่องปกติในผู้สูงอายุ เนื่องจากการสัมผัสแสงแดดลดลง

4.ความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นภาวะที่กระดูกบางลงและแตกหักง่าย

5.ความต้องการซ่อมแซมและคงความแข็งแรงของกระดูก

แคลเซียมจำเป็นสำหรับการซ่อมแซมและรักษาความหนาแน่นของกระดูก รวมถึงการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและประสาท

6.การใช้แคลเซียมในกระบวนการอื่น ๆ ของร่างกาย

แคลเซียมไม่ได้ใช้เพียงแค่ดูแลกระดูก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการทำงานของหัวใจ ระบบประสาท และการแข็งตัวของเลือด ซึ่งในวัยสูงอายุ กระบวนการเหล่านี้อาจต้องการการสนับสนุนที่มากขึ้น

7.ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกในระยะยาว

การได้รับแคลเซียมเพียงพอช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียกระดูกและกระดูกหักจากอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน

สรุป

ผู้สูงอายุจึงควรให้ความสำคัญกับการบริโภคแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมผ่านอาหาร เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว หรือการทานแคลเซียมบำรุงกระดูก ผู้สูงอายุ โดยทานควบคู่กับการได้รับวิตามินดี และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้กระดูกแข็งแรง

Exit mobile version